วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

10 ข้อเสียเปรียบในเรื่องความรักที่ผู้หญิงควรตระหนัก

ขึ้นชื่อว่า "ความรัก" แม้เป็นความรู้สึกและอารมณ์ที่เท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง แต่ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตและองค์ประกอบที่แตกต่างระหว่างสองเพศนี้ ความรักแม้สร้างความรู้สึกดีๆให้แก่คนถูกรัก แต่มันกลับซ่อนความเสียเปรียบให้แก่เพศที่อ่อนแอกว่าอย่างผู้หญิงเราอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ

1. ผู้ชายยังดูเป็น "คนดี"เสมอ แม้จะผ่านมาหลายความรักแล้วก็ตาม

ถือเป็นความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศที่เห็นได้ชัดว่าในแง่ของความรัก ผู้ชายมักไม่ได้รับพิจารณาความรักเดิมของเขาว่าโสดหรือไม่ โสดอย่างไร หรือจะเคยแต่งงาน หย่าขาดความรักเก่ามาแล้วกี่ครั้ง ผู้ชายก็ดูไม่ต่างพร้อยด้วย ค่าของความรักเหมือนผู้หญิง แต่สำหรับผู้หญิงที่ผ่านสมรภูมิความรักมาอย่างสะบักสะบอมแบบโดนทิ้ง โดนขออย่า มีแผลความรักมาพรุนกาย เธอคนนั้นก็จะกลายเป็นผู้หญิงชั้นสอง

2. ผู้ชายมักทำตัวโสดเมื่อสบโอกาส

อย่างที่เพลงลูกทุ่งว่าไว้ว่า "ถ้าเมียไม่มาก็เพราะว่าเมียไม่มี" ผู้ชายมักฉวยโอกาสเวลาที่เราไม่อยู่ ทำตัวเป็นชายโสดและโฉดต่อความรัก หากผู้หญิงเราไม่ตามติดไปพัวพันกายของเขาเพื่อประกาศตัวว่า "ผู้ชายคนนี้มีเจ้าของแล้ว"เขาก็จะจู้ฮุก กรูร่าเริงกับผู้หญิงคนอื่น ประหนึ่งว่าปลอดซึ่งภาวะและพันธะความรัก ยิ่งอยู่นอกสายตาคนรัก ยิ่งจะลืมตัวและทำตัวเหมือนว่า "โสดได้เสมอเมื่อข้าต้องการ"

3. ผู้หญิงปรนนิบัติความรักเยี่ยง "คนใช้"

แต่ด้วยธรรมชาติความเป็นชายแล้วพวกเขาทำเรื่องง่ายๆอย่างการบ้านงานเรือนให้เป็นเรื่องยาก และก็จะทำตัวมีปัญหาหากเขาต้องลงมือจับไม้กวาดถือไม้ถูพื้นด้วยตัวเอง ท่าที่เหมือนจะขจัดความสกปรก แต่สภาพภายหลังการปัดกวาดเช็ดถูมันก็ไม่เห็นสะอาดขึ้นตรงไหน แถมจะดูสกปรกมากขึ้นด้วยซ้ำและเพื่อให้สภาพของที่อยู่อาศัยของเขาอยู่ในสภาพที่เป้นปกติสุขที่สุด ผู้หญิงเราจึงอดไม่ได้ที่จะยอมเป็น"แจ๋ว" ประจำตัวของเขา

4. ผุ้ชายมักไม่ค่อยสนใจรายละเอียดความรู้สึกของผู้หญิงเรา

ถ้าผู้ชายทำท่าเริ่มเงียบแถมดูอาการเครียด ผุ้หญิงเราก็สามารถรับรู้ได้โดยอัตโนมัติว่าคงมีเหตุอันไม่ปกติเกิดขึ้นกับเขาแน่นอน โดยเฉพาะสาเหตุที่ทำให้เขาเริ่มหงุดหงิดนั้นเกิดจากเรา เขาก็จะแสดงอาการปั้นปึ่ง หน้าปึ้งใส่เราจนเราอยู่ไม่เป็นสุข และต้องรีบงอนง้อเขาแต่โดยไว ตรงกันข้ามกับความรู้สึกผิดปกติที่ขึ้นกับเราถึงเราจะปั้นหน้าไม่รับแขก เงียบ นิ่ง หรือแทบจะเก็บอาการวีนไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าพวกผู้ชายเขาไม่รู้หรือรู้แต่ทำเป็นไม่รู้กันแน่ พวกเขายังดูมองข้ามความรู้สึกอันไม่ปกติที่เราตะบึงตะบอนใส่เขา แต่เขาทำเฉยและคิดเองเออเออเองว่าอาจจะเป็นช่วงวันนั้นของเดือนของเราเองก็ได้ค่ะ

5. ภาพผู้หญิงจะติดลบหากผู้หญิงเราเป็นฝ่ายจีบผู้ชายก่อน

เพราะความรู้สึกของคนภายนอกมันรู้สึกเหมือนกับว่า ความรักจะเข้าท่าก็ต่อเมื่อผู้ชายเป็นฝ่ายเริ่มสนใจและเป็นฝ่ายเริ่มเข้ามายุ่มย่ามขอปันความรู้สึกพิเศษเพื่อเป็นคนพิเศษของเรา แต่สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมันกลับตรงกันข้ามเพราะหากเราจะรอให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเดินตรงเข้ามาหาเราก่อน เราก็คงต้องรออย่างแห้งเหี่ยวเดียวดายอย่างนั้นไปเถอะ ผู้หญิงปัจจุบันจึงไม่ค่อยอายจากการออกล่าความรักด้วยตัวเอง ซึ่งในสายตาของผู้หลักผู้ใหญ่หัวเก่าหรือผุ้ชายบางคนเองจะมองผู้หญิงเราว่า "โหยหา และ want ความรัก"จนเกินงามเจ้าค่ะ

6. ผู้ชายสัมผัสกายผู้หญิง..ผู้หญิงเสีย ผู้หญิงสัมผัสกายผู้ชาย..ผู้หญิงก็เสียอยู่ดี

ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ หากอวัยวะของบุรุษมาต้อง มาถูก มาสัมผัส มาเสียดสีผิวกายไม่ว่าจะตรงส่วนใดของเรา โดยถ้าอวัยวะนั้นเป็นอวัยวะสุดสงวนแบบจมูกของเขาขยี้สัมผัสลงบนแก้มของเรา หรือมือของเขามาปาดโดนที่บั้นท้ายของเราเข้า กรณีแบบนี้มันทำให้ผู้หญิงเราเสื่อมเสีย เพราะคนอื่นจะคิดว่าอะไรจะ "ง่ายดาย"ปานนั้น หรือแม้ว่าเราหาได้เป็นฝ่ายเริ่มไม่ แต่ด้วยท่าทีของเรากลับยินยอมไม่ปฏิเสธหรือไม่แสดงอาการขัดขืน กรณีเช่นนี้คนที่พบคนที่เห็นเข้าก็จะหาว่าเราเป็นหญิงที่ไม่รักนวลสงวนตัวและก็สมยอมให้ชายกระทำชำเราเอง กระนั้นเมื่อภาพที่คนอื่นได้เห็นมันปรากฏว่าเราเป็นฝ่ายถึงเนื้อถูกตัวชายก่อน สิ่งที่ตามมาติดๆก็คือ ผู้คนที่เห็นก็จะพากันแดกดันหาว่าเราเป็นผู้หญิงกระหายชาย มือไวใจเร็วยิ่งกว่าผุ้ชายทั้งแท่งเสียอีก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกรณีใดผู้หญิงก็มีแต่เสียกับเสียอยู่ดีค่ะ

7. ผู้ชายเจ้าชู้คือผู้ชายมีเสน่ห์ แต่ผู้หญิงเจ้าชู้คือผู้หญิงหลายใจ

เป็นมุมมองความคิดที่ไม่รู้ว่าผู้ชายพากันคิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้ แต่ความเป็นจริงก็คือผู้หญิงเองก็ปราบปลื้มกับอาการเจ้าชู้ของผู้ชาย เพราะผู้ชายเจ้าชู้ดูมีอะไรมากกว่าผุ้ชายไม่เจ้าชู้ ไม่ว่าจะเป็นแววตา ท่าทาง ความหล่อ หรือความทะเล้นขี้เล่นของเขา เมื่อมารวมกันแล้วมันคือเสน่ห์ที่ทำให้ผู้หญิงตราตรึงกับคุณสมบัติความเจ้าชู้ ทั้งที่จริงๆแล้วน่าจะเป็นพิษภัยต่อความรักของเรามากกว่า แต่ก็ดูเหมือนว่าผู้หญิงเราจะไม่เกรงกลัวความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นจากความเจ้าชู้ของชาย เป็นเหตุตรงกันข้ามหากผู้หญิงเราหัดเจ้าชู้บ้าง สิ่งที่ผู้ชายและผู้หญิงด้วยกันจะพากันโจษจันก็คือคำถามว่ารักเดียวไม่พอหรือไงที่ชอบทำตัวปั่นหัวใจผู้ชายให้กระเจิง และชอบที่จะอยู่ในวงล้อมความรักของผู้ชายทีละหลายๆคน ยิ่งหากมาทำตัวเจ้าชู้กับแฟนชาวบ้านล่ะก็ เธอคนนั้นก็จะโดนประณามสาปแช่ง หรือถึงขั้นโดนราวีไม่เลิกจากผู้หญิงที่เดือดร้อนจากพฤติกรรมและพฤติกามเจ้าชู้ของเธอแน่ ที่สำคัญก็คือผู้ชายส่วนใหญ่อาจจะชอบลองชอบเล่นกับความท้าทายของผุ้หญิงเจ้าชู้ แต่ก็จะไม่ยอมลงหลักปักฐานความรักกับผู้หญิงหลายใจและเปลี่ยนรักบ่อยนักหรอก เพระาพวกเขายังปรารถนาที่จะมีความรักกับผู้หญิงรักจริงและรักเดียว ผู้ที่เชื่อและศรัทธาในความรักของเขาคนเดียวมากกว่าค่ะ

8. ผู้ชายมีพละกำลังมากกว่าผู้หญิงอย่างเห็นได้ชัด

ตรงนี้ถือเป็นข้อเสียเปรียบอย่างเห็นๆยกเว้นเราจะได้คนรักเป็นสุภาพบุรุษที่ไม่คิดเอาความได้เปรียบตรงนี้ เข้าตักตวงความได้เปรียบจากความรัก ต่อให้ผู้ชายมีขนาดตัวที่เล็กกว่าผู้หญิงก็ตาม แต่ด้วยสรีระความบึกบึนอันกำยำสุดๆของมนุษย์เพศชาย ผุ้ชายก็มีได้อย่างไม่ยากเย็น ยิ่งหากพวกเขาคิดเอากำลังเข้าบีบบังคับเพื่อพิชิตกายของเราด้วยแล้ว ต่อให้เราดิ้น เราสู้ หรือเราพยายามขัดขืนอย่างไรบอกได้เลยว่าน้อยรายที่จะรอด แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่น่าหวาดผวาเท่ากับการที่ลูกผู้ชายที่ไม่รักการเป็นสุภาพบุรุษบางคน ชอบใช้กำลังเข้าควบคุมความรักและพฤติกรรมดื้อๆของผู้หญิงเราด้วยการป้อนเข่าป้อนแข้งให้ทานทุกวัน ความรักจึงนำมาซึ่งความเจ็บปวดกายด้วยประการฉะนี้ชีวิตรักจึงเข้าข่ายความรักระหว่างนักมวยกับกระสอบทราย ที่มีคติความรักว่า "เพราะรักมากจึงต้องซ้อมมาก"ไงคะ

9. ผู้หญิงมีเวลาหมดอายุสำหรับความรัก

ผู้หญิงเราจะรู้สึกป๊อปเอามากๆกับการเข้ามาของความรัก ก็จะเป็นช่วงเริ่มต้นของวัยรุ่นและเมื่อยิ่งเราโตเป็นสาวสะพรั่งก็จะเป็นช่วงพีคความงามที่ได้ดึงดูดความเป็นชายจากทั่วสารทิศให้เข้ามาแสดงเจตนาของความรัก แต่แล้วด้วยการงาน การเรียน และภาระหน้าที่อื่นๆก็ทำให้เรามุแต่งาน มุแต่เรียน และการปฏิเสธความรักไปจนวัยล่วงเลยผ่านเข้าไปสู่วัยเกลือบกลางคน ซึ่งถือเป็นโอกาสสุดท้ายและท้ายสุดที่ตัวเองจะค้นคว้าหาความรักแท้ แถมเค้าความงามก็ไม่สดไม่สวย ริ้วรอยความร่วงโรยแห่งวัยเข้ามาเยือน ถ้าเป็นการแสดงก็จากบทนางเองกลับกลายไปเล่นเป็นบท "น้องเเม่นางเอก" เพราะถ้าอายุเขยิบขึ้นเลข 4 เมือ่ไหร่ก็โดนยัดเยียดบทเเม่ให้ซึ่งนั่นหมายความว่า ไม่มีโอกาสเจอความรักครั้งใหม่เเล้ว เพราะสีหน้าพร้อมหย่อนยานมันจะประจานบอกผู้ชายว่า"หน้าจะมีลูกมีเต้า"เเล้ว

10. ผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายตั้งครรภ์

การตั้งครรภ์ถือเป็นหน้าที่โดยธรรมชาติของสรรพสิ่งเกือบทุกชีวิตบนโลก เเละกระบวนการสืบพันธุ์อันหน้ามหัศจรรย์ของมนุษย์ก็จะมอบผลผลิตความรักมาเติมความรัก เเละมอบหน้าที่ความเป็นพ่อเป็นเเม่ให้เเก่ผู้รับ เพือ่ความสมบูรณ์เเบบให้กับชีวิตครอบครัว เเต่บางครั้งมันก็ไม่เป็นตามรูปเเบบที่ว่ามาเสมอไป เพราะมนุษย์เรายังติดอยู่กับตัณหาความใคร่หรือกระบวนการเเสดงความรักระหว่างมนุษย์ทั้งสองเพศกลับถูกบิดเบียนไปด้วยอารมณ์ทางเพศเเละรูปรสกลิ่นเสียงอันชวนหลงใหล โดยเฉพาะเซ็กซ์ที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบเเละขาดการป้องกัน ฝ่ายชายผู้มีหน้าที่ผลิตเชื้ออสุจิก็ทำหน้าที่เเค่เป็นผู้ผลิตเเละทั้งของเหลวนั้นในกาย ผู้หญิงเรา โดยไม่คิดจะรับผิดชอบกับความคิดชั่ววูบที่จะก่อตัวเป็นอีกหนึ่งชีวิตขึ้นในอีกเก้าเดือนภายหลัง ที่ย่ำเเย่กว่านั้นก็คือผู้หญิงโชคร้ายหลาย ๆ คนเกิดเป็นเหยื่ออารมณ์ชายอย่างไม่เต็มใจ เเล้วเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นมา นี่ซิที่จะต้องระทมไปทั้งชีวิต

8 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ13 กันยายน 2553 เวลา 08:57

    ข้อ 6 กะข้อ 10 จิงที่สุดด ดด ,,

    ตอบลบ
  2. ลองมองมุมกลับในมุมผู้ชายสิฮะ ผู้ชายก็ไม่ได้ดี และเลาเสมอไป

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ13 กันยายน 2553 เวลา 11:06

    อืม..

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ13 กันยายน 2553 เวลา 11:40

    ข้อสี่ ก้อนะ ถูกอีก

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ14 กันยายน 2553 เวลา 11:09

    ทามมาย ผญ ต้องเสียเปรียบอยู่เสมออออ

    T.T

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ14 กันยายน 2553 เวลา 17:54

    เหอะๆ

    ยิ่งอ่านก็ยิ่งถูก เหอะๆ

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ16 กันยายน 2553 เวลา 02:56

    ผู้หญิงมีข้อเสียเปรียบเยอะก้จริง

    แต่ผู้หญิงก้มีข้อดีตั้งหลายอย่าง
    จิงม่ะผุ้หญิง

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ19 กันยายน 2553 เวลา 03:13

    ไม่ไหวๆๆๆ

    ตอบลบ